วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โคมควันมหัศจรรย์กลางเมืองแม่สอดSW 508







ประวัติความเป็นมาของโคมลอย





ประวัติความเป็นมา(สังคม)
ประวัติ
                ในดินแดนสิบสองปันนาตอนเหนือของประเทศไทยตอนเหนือประชาชนนับถือพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายานผสมผสานกับการนับถือผีบรรพบุรุษลัทธิถือผีฟ้าผีดินที่เรียกว่าปู่แกนย่าแกนมีการประดิษฐ์โคมและพิธีลอยโคมควันเป็นพิธีการบูชาตามลัทธิประเพณีนี้มีการสืบทอดกันมาเมื่อมีการอพยพโยกย้ายถิ่นฐาน
                เดิมประเพณีนี้เจ้าผู้ครองนครจะจัดขึ้นเพื่อสังเวยเทพยดาอารักษ์บูชากุมภัณฑ์ และมีพิธีเข้าทรงผีเจ้านายเพื่อสอบถามว่าฝนฟ้าจะอุดมสมบูรณ์ และชะตาบ้านเมืองจะดีหรือไม่ หากชะตาของบ้านเมืองไม่ดี ก็จะจัดพิธีสืบชะตาเมืองเพิ่มขึ้น
                ได้เพิ่มการทำพิธีทางพุทธศาสนาเข้ามาอีกอย่างหนึ่งโดยการแห่พระพุทธรูปคันธารราษฎร์รอบเมืองและจะนำมาประดิษฐาน ณ วัดเจดีย์หลวงให้ชาวเมืองทรงน้ำจากนั้นพระสงฆ์ 9 รูป จะเจริญพระพุทธมนต์บุชาเสาอินทขีลซึ่งฝังอยู่ใต้ดินการประกอบพิธีนี้เพื่อเสริมสร้างขวัญและกำลังใจของชาวเมืองก่อนที่จะเริ่มต้นฤดูกาลเพาะปลูก
                การลอยโคมขึ้นสู่ท้องฟ้าของชาวไทยในแคว้นแสนหวีถือว่าเป็นการบูชาบรรพบุรุษแสดงความกตัญญู กตเวที ได้สืบทอดมาเป็นประเพณีของชาวล้านนารวมถึงชาวแม่สอด
                รูปร่างลักษณะของโคมที่นิยมประดิษฐ์กันมากที่สุดคือ โคมรูปทรงผลมะละกอเพราะเป็นรูปทรงที่สวยงามลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าได้เร็วและสูงกว่าโคมรูปทรงอื่น
                โคมที่นิยมทำในอำเภอแม่สอดมีรูปทรงสามแบบคือ โคมรูปทรงกลมได้แก่ รูปทรงมะละกอและรูปทรงฟักทอง โคมรูปทรงสี่เหลี่ยมและโคมรูปทรงกระบอก

ความหมายของ


          โคมลอย ที่ทราบมาพบเห็นอยู่สองความหมาย    
  โคมลอย   หมายถึงประทีปที่จุดไฟแล้ววางบนกระทงและปล่อยให้ลอยไปตามสายน้ำ
  โคมลอย   ที่มีลักษณะเป็นลูกโป่งขนาดใหญ่ทำด้วยกระดาษบางเบาที่ปล่อยให้ลอยไปบนฟากฟ้าโดยใช้ควันไฟ

โคมลอยที่ใช้ปล่อยในเวลากลางวัน


          โคมลอยชนิดนี้จะอาศัยหลักการการลอยตัวของควันไฟในเวลากลางวัน โดยใช้วิธีการ       รมควันให้ควันไฟเข้าไปรวมกันอยู่ภายในตัวโคมลอยจนเต็มที่จากนั้นจำนวนควันไฟที่อัดแน่นอยู่ภายในตัวโคมลอยจะช่วยพยุงให้ตัวโคมลอยสามารถลอยพุ่งขึ้นสู่บนท้องฟ้าได้
โคมที่ใช้ลอยกลางวันนั้น จะใช้กระดาษที่มีสีสันจำนวนหลายสิบแผ่นในการทำ เพื่อให้เห็นในระยะทางไกลแม้จะอยู่บนท้องฟ้า จะมีการตกแต่งด้วยการใส่หาง หรือขณะที่ทำการปล่อยมักใส่ลูกเล่นต่างๆเข้าไปด้วย เช่นใส่ประทัด ควันสี เครื่องบินเล็ก ตุ๊กตากระโดดร่ม เป็นต้น บางท้องที่นิยมใส่เงินลอยขึ้นไปอีกด้วย วิธีการปล่อย จะต้องใช้การรมควันให้เต็มโคม เมื่อได้ที่แล้วจึงปล่อย

โคมลอยที่ใช้ปล่อยในเวลากลางคืน



       โคมลอยชนิดนี้ปัจจุบันเป็นที่นิยมปล่อยกันมากและมีความนิยมสูงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเมื่อโคมลอยลอยพุ่งขึ้นสู่บนท้องฟ้าในเวลากลางคืนแสงไฟที่จุดตรงใส้โคมลอยจะสามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัดและเกิดความสวยงาม หลักการลอยตัวของโคมลอยชนิดปล่อยกลางคืนนี้ใช้ความร้อนจากไฟที่ลุกไหม้ของไส้โคมที่ติดอยู่ตรงฐานล่างของโคมลอย เป็นแรงขับให้ตัวโคมลอยสามารถลอยพุ่งขึ้นสู่บนท้องฟ้าได้
         โคมลอย ที่ใช้ลอยกลางคืน นิยมใช้กระดาษสีขาว เนื่องจากจะโปร่งแสงเมื่อลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้ว ขนาดก็จะย่อมกว่าโคมลอยกลางวัน วิธีการปล่อยจะใช้เชื้อไฟ หรือขี้ไต้ จุดเพื่อให้ความร้อนส่งโคมลอยขึ้นบนฟ้า จะมีการเพิ่มเติมดอกไม้ไฟน้ำตก ดาวตก ประทัด เพื่อเพิ่มสีสันอีกด้วย

วัตถุประสงค์ในการปล่อยโคมลอย


 1. เพื่อทำเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชาสังฆบูชา
2. เพื่อให้โคมนั้นช่วยนำเอาเคราะห์ร้าย ภัยพิบัติต่างๆ ให้หายไปจากหมู่บ้าน
3. เพื่อความสนุกสนานรื่นเริงในเทศกาลต่างๆ
      การทำโคมลอย เป็นการสร้างความสามัคคีในหมู่บ้าน ความมีจิตใจที่เพียบไปด้วยกุศลธรรม ซึ่งในปัจจุบันนี้ ก็ได้เริ่มนำเอาโคมลอยมาปล่อยในประเพณีสำคัญ ๆ เช่น งานล่องสะเปา งานฉลองสิริราชสมบัติ ครบ ๖ปี 

ความเชื่อ



ความเชื่อ
                ชาวบ้านทั่วไปเชื่อว่าการปล่อยโคมลอยเป็นการปล่อยเคราะห์กรรมหรือสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากชีวิต และปล่อยให้ลอยขึ้นไปบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ และเมื่อถึงเทศกาลยี่เป็ง ชาวบ้านที่บันถือพระพุทธศาสนาจะทำโคมลอยไปถวายวัดเพื่อเป็นพุทธบูชา หรือบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ วันอื่น เดือนอื่นไม่นิยมทำกัน

     

วิธีทำ

         เริ่มจากต้องเหลาไม้ไผ่ทำเป็นวงๆ เตรียมไว้สำหรับทำปากโคมลอย นำกระดาษสาสีขาวแผ่นบางๆ 
มาทากาวต่อกันจำนวน แผ่น สำหรับโคมลูกเล็กสุด นำกระดาษสี่เหลี่ยมจตุรัสแผ่นเล็กๆ 
มาเชื่อมต่อตรงที่หัวของโคมลอยส่วนตรงปลายนำวงไม้ไผ่มาติดเป็นวงกลมทำเป็นปากโคม  นำไปตากแดดให้กาวแห้งถ้ายังไม่นำไปปล่อยหรือไปลอยก็พับเก็บไว้หากจะปล่อยต้องมีอุปกรณ์เสริมโดยนำม้วนกระดาษทิชชู่มาตัดเป็นท่อนเล็กๆชุบกับเทียนขี้ผึ้งและผึ่งไว้ให้แห้งสนิท นำมาผูกติดที่ปากโคมลอย เมื่อเราจะปล่อยก็จุดไฟให้ควันเป็นตัวดันให้โคมลอยขึ้น  หากต้องการความสวยงามต้องปล่อยทีละหลายๆลูก เท่านี้ก็จะได้เห็นโคมลอยสวยสมใจอยู่บนท้องฟ้า 





 วัสดุอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานในการประดิษฐ์หมวกลายสวยจากกล่องเหลือใช้ที่เลือกใช้
ลำดับที่
วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้
เลขที่ มอก.
1
2
3
4
5
6
7
8
กระดาษแก้ว
ปากกา-ดินสอ
กระดาษถ่ายเอกสาร
 
แฟ้ม
 
ซองเอกสาร
 
กรรไกร
 
ไม้บรรทัด
 
กาว
1054-2534
650-2529
1054-2534
1115-2535
779-2531
562-2538
217-2533
 


วิธีทำ
ขั้นตอนการทำโคมลอย
                1. เหลาไม้ไผ่ขดเป็นวงกลม ขึงลวดให้ได้เส้นผาศูนย์กลาง46เซนติเมตร
                2. ใช้กระดาษ75*150 หรือ 50*75 ต่อกัน3แผ่น
                3. พับครึ่งเหลือสันทบประมาณ3เซนติเมตร ทากาวต่อกระดาษ
                4. พับลงมา20เซนติเมตรทำก้นว่าว
                5. คลี่ออกมาพับเป็นก้นถุง
                6. ตัดกระดาษขนาด36*36 เซนติเมตร ทากาวปิดรอบก้น
                7. ทากาวที่ไม้แล้วนำกระดาษมาติดเป็นปากโคมควัน






วิธีปล่อย


        เมื่อทำเสร็จแล้วก็ต้องรอฤกษ์ในการปล่อย จนกระทั่งได้เวลาเหมาะแล้วก็จะช่วยกัน บ้างก็ถือไม้ค้ำยันไว้เพื่อให้โคมลอยทรงตัวได้ อีกพวกหนึ่งก็เอาเชื้อเพลิงซึ่งจะใช้ผ้าชุบน้ำมันยางเผาหรือใช้ชัน ซึ่งเรียกกันว่า ขี้ขะย้า เผาเพื่อให้เกิดควัน นอกนั้นอยู่รอบๆ โดยเฉพาะพวกเด็กๆ จะมาห้อมล้อมดูด้วยความสนใจ บางทีก็จะมีกองเชียร์คือ กลองซิ่งม่องตีกันอย่างสนุกสนาน เมื่ออัดควันเข้าเต็มที่แล้วก็จะปล่อยขึ้นไปก็จะมีเสียงประทัดดังสนั่นหวั่นไหว กลองเชียร์ก็เร่งเร้าทำนองกลองให้ตื่นเต้นเร้าใจ



ข้อแตกต่างระหว่างโคมลอยกลางวันและกลางคืน สรุปผลการปฏิบัติงาน



1.โคมลอยกลางวันมีขนาดใหญ่กว่าโคมลอยกลางคืนมากเวลาปล่อยต้องใช้คนช่วยกัน 5-6 คน
2.เนื่องจากโคมลอยกลางวันมีขนาดใหญ่ต้องใช้เวลาในการปล่อยนานมากกว่าจะรมควันให้เต็มในตัวโคมได้
3.โคมลอยกลางวันใช้กระดาษว่าวต่อกันหลายชิ้นถ้าทำไม่ดีมักมีรู รั่วอยู่เสมอ ๆ และถ้ารูปทรงไม่ดีโคมจะลอยเอียง ขึ้นไม่สูง หรือมักตกประจำ
4.โคมลอยกลางวันมีกรรมวิธีการปล่อยที่ค่อนข้างต้องใช้ความระมัด ระวัง บางครั้งช่วงที่รมควันไฟถ้าไม่ระวังอาจโดนตัวโคมทำให้เกิดไฟลุกหรือไม่ก็มัก จะมีลูกไฟหล่นจากการรมควันไฟอยู่เสมอ ๆ
5.โคมลอยกลางคืนหาซื้อง่าย ราคาถูก ขนย้ายสะดวก เวลาปล่อยใช้คน 1-2 คนก็ทำได้
6.โคมลอยกลางคืนเกิดความสวยงามบนท้องฟ้า จึงมักนิยมปล่อยกันทีละมาก ๆ ในงานพิธีสำคัญต่าง ๆ
7.โคมลอยกลางคืนมีลูกเล่นสามารถประดับพลุ ไฟน้ำตก เพื่อให้เกิดความสวยงามและเพลิดเพลิน
8.จุดโคมลอยกลางคืนมีความหมายเหมือนแสงสว่างที่จะนำพาคนปล่อย หลุดพ้นจากความทุกข์กายทุกข์ใจนำพาให้โชคชะตาชีวิตดีขึ้น สูงขึ้น และนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
9.วัยรุ่นหนุ่มสาวนิยมปล่อยโคมลอยกลางคืนร่วมกันมีความเชื่อว่าหากได้ลอยโคมลอยแล้วอธิษฐานร่วมกันจะทำให้รักกันยาวนาน
10.มีความเชื่อที่ว่าการลอยโคมกลางคืนเป็นการลอยเพื่อสะเดาะเคราะห์จึงมีคนนิยมลอยโคมกลางคืนกันอย่างแพร่หลาย



สรุปผลการปฏิบัติงาน 



             จากการที่ได้ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับคุณสมบัติของกระดาษแก้วพบว่ามีคุณสมบัติที่เบากว่ากระปกติจึงเหมาะสมที่จะนำมาประดิษฐ์เป็นโครม
จากการศึกษาเทคนิค วิธีการทำโคมจากวิทยากร ทำให้สมาชิกกลุ่มมีความรู้เกี่ยวกับการการทำโคม และมีความรู้เกี่ยวกับเทคนิค วิธีการ และกระบวนการประดิษฐ์โคมจากกระดาษแก้วรวมไปถึงการออกแบบรูปทรงของโคมที่จะประดิษฐ์ทำให้สมาชิกห้องมีรูปแบบที่แน่นอน เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และยังนำผลงานมาจัดนิทรรศการและจัดจำหน่ายเป็นการเพิ่มรายได้ให้สมาชิกห้องและที่สำคัญยังสามารถส่ง
ผลสมาชิกในห้องเกิดความสามัคคี ทำงานเป็นทีม ช่วยกันทำงานจนประสบผลสำเร็จ ได้ผลิตภัณฑ์ตามเป้าหมายที่วางไว้
ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน

                1. สมาชิกห้องมีความรู้เกี่ยวกับกระดาษที่สามารถนำมาประดิษฐ์โคม
                2. มีความรู้  เทคนิค  และวิธีการ ทำโคมจากวิทยากรท้องถิ่น
                3. ได้โคมที่ประดิษฐ์จากกระดาษเพื่อนำไปพัฒนาผลงาน
                4. ได้รูปแบบของโคมที่ประดิษฐ์จากกระดาษ
                5. ได้โคมที่ประดิษฐ์จากหระดาษที่นำไปจำหน่ายได้
                6. ได้เผยแพร่ผลงานและจัดจำหน่ายผลงานนักเรียนทำให้มีรายได้ระหว่างเรียน
                7. ได้ช่วยลดขยะในชุมชน
                8. ได้ความรู้เกี่ยวกับมาตรฐานอุตสาหกรรม
                9. ได้ความรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง
                10. สามารถจัดนิทรรศการเผยแพร่ผลงานได้
                11. ได้นำความรู้และทักษะการทำงานไปใช้ในชีวิตประจำวัน
                12. ได้เสริมสร้างการทำงานเป็นห้องและความสามัคคีในกลุ่ม
ปัญหา / อุปสรรค์ในการทำโครงงาน
                1. กระดาษขาดง่าย
                2. ทากาวไม่แน่นทำให้เวลาตัวโคมไม่สวยไม่สวย
                3. ทำผิดรูปทรงที่ออกแบบไว้
                4. ปล่อยโคมเกิดการไหม้กระดาษทำให้โคมพังเสียหาย
ข้อเสนอแนะ
                1. เวลาทำทากาวให้แน่น
                2. เวลาตัดกระดาษควรตัดให้เท่าๆ กันเวลาติดกาวจะได้เท่ากัน